ปัญหาปวดหลังที่วัยทำงานไม่ควรมองข้าม

ปวดหลังในวัยทำงานปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม

ในวัยทำงาน การใช้ชีวิตในที่ทำงานหรือการทำกิจกรรมที่ต้องใช้การเคลื่อนไหวร่างกายเป็นระยะเวลานานๆ เช่น การนั่งทำงานที่โต๊ะหรือการยืนเป็นเวลานาน มักเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดหลังอย่างรุนแรงหรือเรื้อรัง แม้ว่าจะเป็นอาการที่อาจดูเหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา อาการปวดหลังอาจลุกลามไปยังปัญหาอื่นๆ ที่รุนแรงกว่า เช่น หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท หรือปัญหากระดูกสันหลังที่ต้องการการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด

อาการปวดหลังที่พบบ่อยในวัยทำงานไม่ควรมองข้าม เนื่องจากมันไม่เพียงแต่ทำให้คุณรู้สึกไม่สบายตัวเท่านั้น แต่ยังอาจส่งผลต่อการทำงานและคุณภาพชีวิตในระยะยาวได้

สาเหตุของการปวดหลังในวัยทำงาน

1. การนั่งทำงานในท่าทางที่ไม่ถูกต้อง

หลายคนในที่ทำงานใช้เวลานานในการนั่งทำงานที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ การนั่งในท่าทางที่ไม่ถูกต้อง เช่น การนั่งหลังงอ หรือการนั่งในท่าที่ยืดตัวไม่ตรง ส่งผลให้กระดูกสันหลังได้รับแรงกดทับมากเกินไป ทำให้เกิดอาการปวดหลังเรื้อรังในที่สุด

2. การขาดการออกกำลังกาย

การนั่งทำงานเป็นเวลานานโดยไม่ยืดเส้นยืดสายหรือออกกำลังกาย ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหลังขาดความยืดหยุ่นและความแข็งแรง ส่งผลให้กล้ามเนื้อและกระดูกสันหลังทำงานหนักเกินไปจนเกิดอาการปวด

3. การยกของหนักผิดวิธี

บางคนอาจมีการยกของหนักโดยใช้ท่าทางที่ผิด เช่น ยกของโดยไม่ใช้ขาหรือหลังตรง ทำให้เกิดความเครียดกับกระดูกสันหลังและหมอนรองกระดูก

4. ความเครียดจากงาน

ความเครียดจากการทำงานหรือการกดดันที่สูงมักทำให้ร่างกายเกร็งโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะกล้ามเนื้อรอบๆ หลัง ซึ่งทำให้เกิดอาการปวดหลังหรือปวดคอได้

5. ปัญหาสุขภาพอื่นๆ

ปัญหาสุขภาพอื่นๆ เช่น โรคอ้วน หรือการสูญเสียมวลกระดูกอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการปวดหลัง

อาการที่ควรระวัง : เมื่อไหร่ถึงจะต้องพบแพทย์

อาการปวดหลังอาจจะเป็นเรื่องที่หลายๆ คนคิดว่า “ปวดบ้างก็หายไปเอง” แต่ถ้าอาการปวดหลังไม่ดีขึ้นหรือเกิดขึ้นบ่อยๆ ควรเข้ารับการตรวจจากแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง โดยอาการที่ควรระวังและพบแพทย์มีดังนี้:

  1. ปวดหลังอย่างรุนแรงหรือเรื้อรัง: หากมีอาการปวดหลังที่รุนแรงต่อเนื่องหลายวันหรือหลายสัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์ทันที
  2. ปวดหลังร่วมกับอาการชาหรืออ่อนแรง: หากอาการปวดหลังมีอาการชาหรืออ่อนแรงในแขนหรือขา อาจเป็นสัญญาณของการทับถมของเส้นประสาท
  3. ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติ: หากไม่สามารถบิดหรือหมุนตัวได้ตามปกติ หรือรู้สึกว่าอาการปวดหลังรุนแรงขึ้นเมื่อเคลื่อนไหว
  4. ปวดหลังหลังจากได้รับการบาดเจ็บ: หากมีอาการปวดหลังหลังจากได้รับบาดเจ็บจากการล้ม หกล้ม หรือการยกของหนัก

วิธีการรักษาอาการปวดหลังในวัยทำงาน

1. การปรับท่าทางในการทำงาน

การนั่งทำงานในท่าที่ถูกต้องเป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพในการลดความเสี่ยงของอาการปวดหลัง ควรเลือกเก้าอี้ที่สามารถรองรับหลังได้ดี และควรนั่งให้หลังตรงและไม่ห่อหลัง

2. การออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ

การออกกำลังกายเพื่อเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลังและกล้ามเนื้อแกนกลาง (Core muscles) เช่น การทำโยคะ พิลาทิส หรือการว่ายน้ำ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการปวดหลัง

3. การยืดเหยียดกล้ามเนื้อ

การยืดเหยียดกล้ามเนื้อหลังและขาจะช่วยคลายกล้ามเนื้อที่เกร็งและลดอาการปวดหลัง

4. การรักษาด้วยการนวดหรือกายภาพบำบัด

การนวดหรือการทำกายภาพบำบัดสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดหลังจากการทำงาน โดยช่วยคลายกล้ามเนื้อที่เกร็งและฟื้นฟูการเคลื่อนไหวของกระดูกสันหลัง

5. การใช้ยารักษา

การใช้ยารักษาอาการปวดเช่น ยาแก้ปวดหรือยาแก้อักเสบ (NSAIDs) อาจช่วยบรรเทาอาการปวดและอักเสบในกรณีที่จำเป็น

การรักษาปัญหาปวดหลังโดยการผ่าตัด

หากอาการปวดหลังไม่สามารถบรรเทาได้จากการรักษาแบบทั่วไป การผ่าตัดอาจเป็นทางเลือกในการรักษา เช่น การผ่าตัดส่องกล้อง (Arthroscopy) หรือการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมในกรณีที่ข้อเข่าเสื่อม

การรักษาโรคกระดูกและข้อจากคลินิกหมอกัณกวี

คลินิกหมอกัณกวี กระดูกและข้อ พร้อมให้บริการตรวจและรักษาปัญหากระดูกและข้อ รวมทั้งการรักษาอาการปวดหลังที่วัยทำงาน

บริการที่คลินิกหมอกัณกวี:

  • การตรวจวินิจฉัยโรคกระดูกและข้อ: ตรวจหาสาเหตุของอาการปวดหลังหรือปัญหากระดูกและข้ออื่นๆ
  • การรักษาข้อเข่าเสื่อมและข้อสะโพกเสื่อม: โดยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม
  • การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม: โดยใช้หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการผ่าตัด
  • การรักษาอาการปวดหลัง ด้วยการผ่าตัดหรือการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม

หากคุณมีปัญหาปวดหลังและต้องการการรักษาที่มีประสิทธิภาพ สามารถเข้ารับการตรวจรักษาที่ คลินิกหมอกัณกวี กระดูกและข้อ ได้ทันที

เยี่ยมชมเว็บไซต์: www.kankaveeortho.com