การดูแลหลังการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม
คู่มือพื้นฐานสำหรับผู้ป่วยและครอบครัว
การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม (Total Knee Replacement) ถือเป็นการรักษาที่ช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น ลดอาการปวดจากข้อเสื่อมขั้นรุนแรง และสามารถใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม “การดูแลหลังผ่าตัด” มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าตัวการผ่าตัดเอง เพราะจะเป็นปัจจัยหลักในการฟื้นฟู ฟื้นตัว และลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว
เป้าหมายของการดูแลหลังผ่าตัด
ลดอาการปวดและบวม
ป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น ลิ่มเลือดอุดตัน หรือแผลติดเชื้อ
ส่งเสริมให้ข้อเข่าเคลื่อนไหวได้ดี
ฟื้นฟูกล้ามเนื้อและการเดินให้ใกล้เคียงภาวะปกติ
กลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมั่นใจ
การดูแลช่วง 1–3 วันแรกหลังผ่าตัด
1. การควบคุมอาการปวด
แพทย์จะให้ยาแก้ปวดชนิดฉีดหรือรับประทานตามระดับความเจ็บ
อาจมีการใช้เครื่อง PCA (Patient-Controlled Analgesia) ที่ให้ผู้ป่วยกดรับยาได้เองภายใต้การควบคุม
2. การดูแลแผล
แผลจะถูกปิดด้วยผ้าปิดแผลปลอดเชื้อ
ห้ามถอดหรือโดนน้ำโดยไม่จำเป็น
แพทย์และพยาบาลจะตรวจประเมินแผลเป็นประจำ
3. การเริ่มขยับและกายภาพเบื้องต้น
ภายใน 24 ชั่วโมงแรก ผู้ป่วยจะเริ่มฝึกขยับข้อเท้า บีบข้อเท้า เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
หากไม่มีภาวะแทรกซ้อน แพทย์จะเริ่มให้ลุกนั่ง และเดินโดยใช้ walker หรือไม้ค้ำพยุง
การดูแลช่วง 1–6 สัปดาห์แรก
1. การทำกายภาพบำบัด
เป็นหัวใจของการฟื้นตัว ต้องทำอย่างต่อเนื่อง
แบบฝึกที่พบบ่อย ได้แก่:
การงอ–เหยียดข้อเข่า
การฝึกเดินแบบมีอุปกรณ์ช่วยพยุง
การฝึกการทรงตัว
เป้าหมาย: งอเข่าได้ >90 องศาภายใน 2 สัปดาห์ และ >120 องศาภายใน 6 สัปดาห์
2. การใช้ชีวิตประจำวัน
ใช้อุปกรณ์ช่วยเดินในช่วงแรก เช่น walker / ไม้เท้า
หลีกเลี่ยงการนั่งยอง งอเข่ามาก หรือยืนบนพื้นลื่น
หลีกเลี่ยงการขึ้น–ลงบันไดจนกว่าขาแข็งแรงพอ
3. การป้องกันภาวะแทรกซ้อน
เคลื่อนไหวร่างกายบ่อย ๆ ป้องกันการเกิดลิ่มเลือด
อาจได้รับยาต้านการแข็งตัวของเลือดตามแพทย์สั่ง
สังเกตอาการเสี่ยง เช่น ขาบวมแดง เจ็บแน่นหน้าอก เหนื่อยผิดปกติ ต้องรีบพบแพทย์
การดูแลระยะยาว (หลัง 6 สัปดาห์ขึ้นไป)
เพิ่มการออกกำลังกายเพื่อเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อเข่า เช่น ปั่นจักรยาน, ว่ายน้ำ, ยืดกล้ามเนื้อ
เริ่มกลับไปทำกิจกรรมประจำวันได้มากขึ้น เช่น ขับรถ, เดินออกกำลังกาย, ทำงานเบา
หลีกเลี่ยงกิจกรรมกระแทกแรง เช่น วิ่ง กระโดด เตะฟุตบอล
ติดตามอาการกับแพทย์ตามนัด เพื่อตรวจประเมินการทำงานของข้อเทียม
คำแนะนำทั่วไป
ทำตามคำสั่งแพทย์และนักกายภาพอย่างเคร่งครัด
ไม่ควรหยุดยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์
หมั่นดูแลแผล หากมีอาการบวม แดง หรือมีน้ำซึม ควรรีบพบแพทย์
ใช้อุปกรณ์ช่วยเดินอย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันการหกล้ม
ควรปรับสิ่งแวดล้อมภายในบ้าน เช่น พื้นกันลื่น, ราวจับในห้องน้ำ
สรุป
การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมสามารถช่วยให้ผู้ป่วยกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
แต่ความสำเร็จของการรักษาขึ้นอยู่กับ “การดูแลหลังผ่าตัด” อย่างเหมาะสมทั้งด้านแผล การฟื้นฟู และการปรับพฤติกรรม
การมีวินัยในการทำกายภาพบำบัด และการปรึกษาแพทย์อย่างใกล้ชิด
คือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในการฟื้นตัว
แนะนำคลินิกรักษาข้อเข่าเทียม www.kankaveeortho.com