โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) เป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะในผู้หญิงหลังวัยหมดประจำเดือน แต่ความจริงแล้ว โรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัยหากละเลยการดูแลสุขภาพกระดูก โรคกระดูกพรุนเป็นภาวะที่ ความหนาแน่นของกระดูกลดลง ทำให้กระดูกเปราะ บาง และหักง่ายกว่าปกติ
การทำความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุ อาการ และวิธีป้องกันโรคกระดูกพรุนจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงและคงสุขภาพกระดูกที่แข็งแรงตลอดชีวิต
กระดูกของคนเรามีการสร้างและสลายอยู่ตลอดเวลา หากสมดุลนี้เสียไป เช่น การสลายกระดูกมากกว่าการสร้างกระดูก จะทำให้กระดูกสูญเสียมวลและความหนาแน่น ส่งผลให้เกิดโรคกระดูกพรุน
อายุที่เพิ่มขึ้น
เมื่ออายุมากขึ้น กระดูกจะสูญเสียมวลกระดูกตามธรรมชาติ
ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง
ผู้หญิงหลังวัยหมดประจำเดือน ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ทำให้กระดูกบางเร็ว
ผู้ชายที่ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่ำก็มีความเสี่ยงเช่นกัน
พันธุกรรมและเชื้อชาติ
มีประวัติครอบครัวเป็นโรคกระดูกพรุน
ชาวเอเชียและคนรูปร่างเล็กมีโอกาสเสี่ยงมากกว่า
พฤติกรรมการใช้ชีวิต
การขาดการออกกำลังกาย
การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
การบริโภคแคลเซียมและวิตามินดีไม่เพียงพอ
การใช้ยาบางชนิด
ยาสเตียรอยด์หรือยาที่มีผลต่อสมดุลแคลเซียม
โรคประจำตัว
โรคไทรอยด์ เบาหวาน หรือโรคไตบางชนิด
โรคกระดูกพรุนมักไม่แสดงอาการชัดเจนในระยะแรก ทำให้หลายคนไม่รู้ตัว จนกว่าจะเกิดภาวะกระดูกหัก อาการที่พบได้ เช่น
กระดูกหักง่าย แม้เพียงการหกล้มเล็กน้อย
ปวดหลังเรื้อรังจากกระดูกสันหลังยุบตัว
หลังค่อม ไหล่งุ้ม หรือรูปร่างเตี้ยลง
เคลื่อนไหวลำบาก ความมั่นคงในการเดินลดลง
รับประทานอาหารที่มี แคลเซียมสูง เช่น นม โยเกิร์ต ชีส ปลาเล็กปลาน้อย งาดำ และผักใบเขียว
เสริม วิตามินดี จากแสงแดดยามเช้า 10–15 นาทีต่อวัน หรืออาหาร เช่น ไข่แดง ปลาแซลมอน
เลือกการออกกำลังกายที่ลงน้ำหนัก เช่น เดิน วิ่งเบา ๆ เต้นแอโรบิก หรือยกน้ำหนัก
ช่วยกระตุ้นการสร้างมวลกระดูกและเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
งดสูบบุหรี่และลดการดื่มแอลกอฮอล์
ลดการบริโภคเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง เช่น กาแฟ น้ำอัดลม
ผู้หญิงอายุ 50 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่มีความเสี่ยง ควรตรวจวัดความหนาแน่นของมวลกระดูก (Bone Density Test)
พบแพทย์เพื่อรับคำแนะนำการดูแลและการใช้ยาที่เหมาะสม
เพื่อลดโอกาสการหกล้ม ควรจัดบ้านให้โล่ง ไม่วางสิ่งกีดขวาง และใช้ราวจับในห้องน้ำหรือบันได
โรคกระดูกพรุน เป็นภาวะสุขภาพที่อันตราย เพราะมักไม่แสดงอาการจนกว่าจะสายเกินไป แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการดูแลตนเองตั้งแต่วัยหนุ่มสาว เช่น กินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับแสงแดด และตรวจสุขภาพกระดูกอย่างสม่ำเสมอ
✨ การใส่ใจสุขภาพกระดูกตั้งแต่วันนี้ คือการลงทุนเพื่อคุณภาพชีวิตที่แข็งแรง ยืนยาว และปราศจากความเสี่ยงจากกระดูกหักในอนาคต
แนะนำเว็บไซต์ www.kankaveeortho.com สำหรับคนที่ต้องการปรึกษาคลินิกกระดูก
ผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัด
เปลี่ยนข้อเข่าและสะโพกเทียม
16/3 ถ.รอบเวียงประดูกลอง ต.เวียง อ.เมือง จ.พะเยา 56000
©2025. Kankavee Ortho Clinic